เลี้ยงเด็กวัยรุ่นอย่างไร ตอน เมื่อเค้าเริ่มมีแฟน
วันนี้ก็คงเป็นอีกวันที่ผู้คนเดินเอาปัญหามาให้แก้ เลี้ยงลูกอย่างไรดี กลัวเด็กจะเสียคน ใจแตก
และเมื่อเด็กสาวเริ่มมีแฟน ช่วยสอนให้หน่อยได้มั้ย ทำไมเขาไม่ฟังที่เราพูดเลย เขาทำไมถึงโกหกเรา ทำไมและทำไม คำถามเหล่านี้จริงๆมีคำตอบของมันอยู่แล้ว ขอแค่เพียงคุณลองให้เวลาสังเกตมันสักนิด ว่าเอะทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้นหละ เราจึงมักจะบอกเสมอว่า จะเลี้ยงลูกวัยรุ่น อย่าหวังจะชนะเขา เพราะคนที่แพ้ก็คือเราเสมอ วัยรุ่นคือวัยที่เริ่มมีความมั่นใจ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ฟังใคร ติดเพื่อน เพราะวัยนี้เพื่อนคือคนสำคัญ ต้องการการยอมรับจากกลุ่ม จึงมักเกิดการเลียนแบบ ลองของใหม่ ทำให้มีปัญหาตามมาตลอดของเด็กวัยรุ่น เช่น ติดเกมส์ ติดสารเสพติด ติดสาว ติดผู้ชาย ถ้าเอาเค้าอยู่ เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เด็กเหล่านี้จะค่อยๆเรียนรู้ว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ เราจึงจำเป็นต้องประนีประนอม ผ่อนสั้นผ่อนยาว เพราะไม่งั้น คุณก็เอาเขาไม่อยู่แน่นอน เราจะบอกว่าเลี้ยงเด็กวัยรุ่นก็เหมือนเล่นว่าว เวลาที่มันติดลม ถ้าเราดึงมาก มันก็จะขาด ว่าวก็ลอยไป เคว้งคว้างไม่รู้จักทิศ แต่ถ้าไม่ดึง ปล่อยมัน มันก็ร่วงหล่น ตกไปไหนต่อไหนเหมือนกัน ดังนั้น มันต้องดูจังหวะ เวลาไหนควรตึง เวลาไหนควรผ่อน มันอาจจะเหนื่อย แต่เราจะประคองมันตลอดการเล่นได้ เราเป็นผู้บังคับ ไม่ใช่ให้มันมาบังคับเรา ขนาดพูดอย่างนี้นะ ผู้ปกครองก็ยังแก้ไม่ได้เลย ต้องเอาเด็กมารับคำปรึกษาตลอด บอกพูดช่วยหน่อย เราคุยแค่ไม่กี่ชั่วโมง ต่อให้ปรับทัศนะคติ มุมมองหรือเราให้ทักษะการใช้ชีวิตแก่เด็กแล้ว เค้าก็กลับไปสู่สังคมเดิมๆพ่อแม่เดิมๆ สิ่งแวดล้อมเดิมๆ มันก็เหมือนเดิม ดังนั้นทางที่ดี บำบัดพ่อแม่น่าจะดีที่สุด
ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จอะไร คุณต้องทุ่มเทและตั้งใจที่จะทำสิ่งนั้นจริงๆ การยืมจมูกคนอื่นหายใจมันไม่ดีหรอก พ่อแม่ควรลงมือตั้งใจเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมนั้นจริงๆ เราได้เสนอแนวทางนั้นไปแล้ว แต่ถ้ายังทำไม่ได้ ต้องวางอุเบกขาละ ทุกอย่างก็ต้องปล่อยไปตามความทุ่มเท เลี้ยงมาแค่นี้ อยากได้ดีเหมือนชาวบ้าว คงไม่ใช่ละ
และเมื่อเด็กสาวเริ่มมีแฟน ช่วยสอนให้หน่อยได้มั้ย ทำไมเขาไม่ฟังที่เราพูดเลย เขาทำไมถึงโกหกเรา ทำไมและทำไม คำถามเหล่านี้จริงๆมีคำตอบของมันอยู่แล้ว ขอแค่เพียงคุณลองให้เวลาสังเกตมันสักนิด ว่าเอะทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้นหละ เราจึงมักจะบอกเสมอว่า จะเลี้ยงลูกวัยรุ่น อย่าหวังจะชนะเขา เพราะคนที่แพ้ก็คือเราเสมอ วัยรุ่นคือวัยที่เริ่มมีความมั่นใจ มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ฟังใคร ติดเพื่อน เพราะวัยนี้เพื่อนคือคนสำคัญ ต้องการการยอมรับจากกลุ่ม จึงมักเกิดการเลียนแบบ ลองของใหม่ ทำให้มีปัญหาตามมาตลอดของเด็กวัยรุ่น เช่น ติดเกมส์ ติดสารเสพติด ติดสาว ติดผู้ชาย ถ้าเอาเค้าอยู่ เมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่เด็กเหล่านี้จะค่อยๆเรียนรู้ว่าสิ่งไหนควรทำไม่ควรทำ เราจึงจำเป็นต้องประนีประนอม ผ่อนสั้นผ่อนยาว เพราะไม่งั้น คุณก็เอาเขาไม่อยู่แน่นอน เราจะบอกว่าเลี้ยงเด็กวัยรุ่นก็เหมือนเล่นว่าว เวลาที่มันติดลม ถ้าเราดึงมาก มันก็จะขาด ว่าวก็ลอยไป เคว้งคว้างไม่รู้จักทิศ แต่ถ้าไม่ดึง ปล่อยมัน มันก็ร่วงหล่น ตกไปไหนต่อไหนเหมือนกัน ดังนั้น มันต้องดูจังหวะ เวลาไหนควรตึง เวลาไหนควรผ่อน มันอาจจะเหนื่อย แต่เราจะประคองมันตลอดการเล่นได้ เราเป็นผู้บังคับ ไม่ใช่ให้มันมาบังคับเรา ขนาดพูดอย่างนี้นะ ผู้ปกครองก็ยังแก้ไม่ได้เลย ต้องเอาเด็กมารับคำปรึกษาตลอด บอกพูดช่วยหน่อย เราคุยแค่ไม่กี่ชั่วโมง ต่อให้ปรับทัศนะคติ มุมมองหรือเราให้ทักษะการใช้ชีวิตแก่เด็กแล้ว เค้าก็กลับไปสู่สังคมเดิมๆพ่อแม่เดิมๆ สิ่งแวดล้อมเดิมๆ มันก็เหมือนเดิม ดังนั้นทางที่ดี บำบัดพ่อแม่น่าจะดีที่สุด
เอ้าเข้าเรื่องกันดีกว่า แล้วต้องเลี้ยงยังไงล่ะ ขอพูดแนวทางและประสบการณ์ของการดูแลเด็กวัยรุ่นแล้วกันนะ ซึ่งไม่มีสูตรไหนตายตัวหรอก ต้องดูบริบทแต่ละบ้านด้วย จริงๆหากเราเลี้ยงดูเอาใจใส่ดีแล้ว พอเข้าสู่วัยรุ่นแม้มีปัญหาบ้างแต่ก็ไม่มาก แต่ส่วนมากมักขาดการเอาใจใส่ แต่อยากได้ผลลัพธ์ระดับพรีเมียม วันนี้เราจะข้ามเรื่องต้นทุนการเลี้ยงดูไป มาแก้เอาตอนนี้เลยแล้วกัน ง่ายๆเลย เราต้องหาจุดอ่อนของเด็กให้เจอ ทำไมเค้าต้องทำแบบนี้ เด็กทุกคนมีคำตอบอยู่แล้ว แต่ขึ้นกับว่าเขาอยากบอกเราหรือไม่ เมื่อพบเหตุผลในการทำแล้ว เช่น มีแฟน เพราะเหงา มีแฟนเพราะตามเพื่อน หรือมีแฟนเพราะอะไรอื่นๆ เราก็ต้องมาโฟกัสให้เขาดูถึงความเหมาะสมของการมีแฟน มันใช่เวลาที่จะมีหรือเปล่า ต้องเรียนหนังสือเพื่ออนาคตของเราก่อน จะมีกซึ่งเดี๋ยวนี้ 12-13 ปี ก็มีแฟนแล้ว แปลกใจจริงๆ เพราะยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าไม่ท้องมาให้ช่วยดูแลแก้ปัญหา จะไม่ว่าอะไรเลย หากเด็กหาเป้าหมายในชีวิตของตัวเองเจอ เด็กส่วนมากก็จะไม่หลงไปกับสิ่งพวกนี้ แต่อย่าลืมนะ ปมครอบครัวนี้แหละยิ่งสำคัญ มีเป้าหมายยังไง ครอบครัวไม่เป็นแรงสนับสนุนที่ดี เด็กก็เดินหลงทางวันยังค่ำ ดังนั้นผู้ใหญ่ต้องคอยเป็นเข็มทิศเพื่อนำทางชีวิตให้กับเด็ก ชี้แนะในทางที่ดี คอยบอกคอยสอนอยู่เสมอ หากทำเป็นประจำและสม่ำเสมอ เชื่อว่าเด็กไม่หลงทางแน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น